เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม จากการรายงานของผู้สื่อข่าวได้รายงานจากชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ภายหลัง น.ส.กวิตา ราชดา หรือ “เอิญ” อายุ 25 ปี และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ “เปรี้ยว” อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ ในคดีร่วมกันฆาตกรรม น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 22 ปี หั่นศพใส่ถังฝังดินไว้ในพื้นที่ ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น พบศพ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.60

ทั้งนี้ ยังพบหลักฐานว่าหลังก่อเหตุ ทั้ง น.ส.เปรี้ยว และน.ส.เอิญ ได้ทำ บัตรผ่านแดนชั่วคราว หรือบอร์เดอร์พาสหลบหนีข้ามพรมแดนแม่สาย จ.เชียงราย ไปเป็นพนักงานที่ร้านชื่อโอโซนแอนด์สปา บ้านสันทรายไต จ.ท่าขี้เหล็ก ฝั่งเมียนมา ห่างจากสะพานข้ามพรมแดนไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ประมาณ 4 กิโลเมตร โดยมีคนไทยที่เป็นหุ้นส่วนร้าน ขับรถรับจาก อ.แม่สายไปส่ง ล่าสุดศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจับ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ อายุ 28 ปี ซึ่งพบว่าได้หลบหนีข้ามไป จ.ท่าขี้เหล็ก ฝั่งเมียนมา พร้อมกับ น.ส.กวิตา และ น.ส.ปรียานุช ในวันที่ 25 พ.ค.ทั้ง 3 คน

โดย พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ ผกก.ตม.เชียงราย ได้กล่าวว่า…” จากการตรวจสอบทะเบียน พบว่าในวันที่ 25 พ.ค.60 น.ส.กวิตา ราชดา อายุ 25 ปี และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย อายุ 24 ปี น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต อายุ 28 ปี 3 ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพที่ จ.ขอนแก่น ได้ทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว 7 วัน ข้ามไป จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งในวันดังกล่าวระบบยังไม่แจ้งเตือนสถานะเป็นผู้ต้องหา เพราะศาลอนุมัติหมายจับวันที่ 27 พ.ค.จึงไม่มีการจับกุมตัว”

เเละพ.ต.อ.เอกกร ยังได้ให้เผยอีกว่า “ในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดใบอนุญาตข้ามแดนที่ออกให้ในวันที่ 25 พ.ค. หากทางการเมียนมาจับตัวคนทั้ง 3 ได้ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนด หลังจากคดีสิ้นสุดจึงจะส่งกลับไทย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ ตม.เตรียมดำเนินการที่หน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ตลอดเวลา”

เเละทางด้าน พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย ได้กล่าวอีกว่า “ขณะนี้แม้จะยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 กลับมาดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประสานฝ่ายเมียนมา ให้ช่วยดำเนินการจับกุมตัวส่งกลับไทย เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ จ.ขอนแก่น พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสายสืบออกเฝ้าติดตามระวังตามช่องทางธรรมชาติ ริมแม่สายตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา หากมีการลักลอบกลับฝั่งไทยจะจับกุมตัวไว้ทันที”


ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคง แจ้งว่า ขณะนี้ทั้ง 3 คน คาดว่าหลบหนีไปอยู่ในเขตคุ้มครองของกลุ่มมูเซอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังคงประสานงานกับทางการฝ่ายเมียนมาให้ช่วยดำเนินการติดตามจับตัวส่งกลับไปดำเนินคดีในไทย แต่ในทางปฏิบัติจริงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะมูเซอ เป็นกองกำลังอิสระ มีเขตพื้นที่อิทธิพลของตัวเองชัดเจน ทางการพม่าเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง หากไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง.
ทีมา ;http://thainewswebs.blogspot.com/2017/05/blog-post_31.html